วันพุธที่ 4 มกราคม พ.ศ. 2560

มาแล้วตอนที่ 1

ลิขิตรักอสุรกาย

ตอนที่ 1

พิชญ์เหลือบมองนายน้อยของเขาที่นั่งหน้าหงิกอ่านหนังสืออยู่ในห้องสมุดของคฤหาสน์เพียงลำพัง ชายหนุ่มถอนหายใจเบา ๆ แล้วจึงเปรยขึ้น
                “ถ้าท่านเบื่อ ทำไมไม่ลองไปเดินเล่นรอบ ๆ หมู่บ้านแทนล่ะครับ


คนฟังชะงักก่อนจะเงยหน้ามองคนพูดอย่างไม่อยากเชื่อสายตา
                “ฉันทำแบบนั้นได้ด้วยหรือ


พิชญ์หัวเราะเบา ๆ ในลำคอ แล้วจึงโค้งให้เด็กหนุ่ม
                “ทำได้สิครับ ถ้าเฉพาะเขตพื้นที่ในหมู่บ้านนะครับ  อ้อ...ที่หมู่บ้านมีร้านค้าด้วย แต่ถ้าอยากซื้อของท่านต้องติดเงินไปด้วยนะครับ เพราะถึงแถวนี้จะเป็นอาณาเขตของพวกเราก็จริง แต่ของซื้อของขายก็คือของซื้อของขายนะครับ


วิรัลทำหน้านิ่วคิ้วขมวดนิด ๆ แต่ก็ไม่ต้องคิดนาน เขาพยักหน้าตอบรับ ก่อนจะชะงักแล้วยืนนิ่งด้วยท่าทางลังเลอยู่ครู่หนึ่ง จนพิชญ์แปลกใจ
                “ทำไมหรือครับท่านวิรัล
                “...ฉันไม่มีเงินติดตัว


พิชญ์ชะงักก่อนจะหลุดหัวเราะเบา ๆ ออกมาอย่างลืมตัว ทำให้คนถูกหัวเราะใส่หน้ามุ่ย
                “หึ ๆ ขอโทษครับที่เสียมารยาท...ผมเองก็ลืมไป ความจริงท่านก็ไม่ต้องพกเงินก็ได้ แต่ผมอยากให้ท่านใช้ชีวิตในหมู่บ้านนี้อย่างกลมกลืนสักหน่อย จึงต้องเลือกแบบนี้ ...สักครู่นะครับเดี๋ยวผมหยิบเงินให้


 พี่เลี้ยงคนสนิทของเด็กหนุ่มเดินไปหยิบกระเป๋าเงินสีดำในลิ้นชัก และสำรวจเงินภายในนั้น ก่อนจะหยิบมันมายื่นส่งให้กับวิรัลที่รออยู่

                 “นี่ครับเงิน

วิรัลรับมาแล้วนิ่งคิดชั่วครู่ ก่อนจะอ้อมแอ้มถามอย่างไม่มั่นใจนัก
                “ที่นี่มีจักรยานไหม...ฉันอยากขี่จักรยานแทนเดินน่ะ


พิชญ์ผงะเล็กน้อย แล้วมีสีหน้าครุ่นคิดหนัก จนคนมองใจเสีย แต่พอกำลังจะปฏิเสธเปลี่ยนคำพูด เสียงถอนหายใจก็ดังขึ้นเบา ๆ แล้วคนตรงหน้าจึงมีรอยยิ้มอ่อนโยนตามมา
                “ได้สิครับ เดี๋ยวผมจะให้คนเตรียมให้ ...ว่าแต่ท่านขี่มันชำนาญแล้วสินะครับ


วิรัลชะงัก ก่อนจะหน้าหงิก แล้วรีบแย้งกลับทันทีด้วยความฉุนปนอาย
                “ฉันขี่ได้แล้วน่า! ไม่ใช่เด็กสักหน่อย กับอีแค่จักรยานคันเดียว!


พิชญ์ยิ้มรับ แล้วเลิกคิดที่จะซักไซ้อะไรอีก แม้จะหวนนึกถึงอดีตที่อีกฝ่าย เคยแอบหนีเขาไปหัดขี่จักรยานเมื่อสามปีก่อน และสะดุดคันดินล้มกลิ้งไปคนละทางกับจักรยาน ตอนเขามาเจอนั่นก็ตาม
จากนั้นสักพักวิรัลก็ออกมาด้านนอกคฤหาสน์ และขึ้นขี่จักรยานคันสีทองสวยงามที่คนรับใช้นำมาให้ เจ้าตัวขี่เป๋ไปเป๋มา จนคนที่ยืนมองอยู่ห่าง ๆ ต้องลุ้นอย่างใจหายใจคว่ำ  จากนั้นสักพักจึงถอนหายใจโล่งอก เมื่อคนขี่เริ่มทรงตัวได้และขี่ออกไปตามถนนนอกคฤหาสน์อย่างไม่เร่งรีบนัก
                “จะดีหรือครับคุณพิชญ์ ที่ปล่อยให้ท่านวิรัลออกไปแบบนั้นตามลำพัง


พิชาน ลูกน้องคนสนิทของพิชญ์เอ่ยถามอย่างกังวล ทางด้านพิชญ์นั้นมองจนวิรัลลับตาไป แล้วหันกลับมาสนทนากับลูกน้องของตนต่อ
                “ยังไงก็อยู่ในเขตหมู่บ้าน แค่ท่านไม่ออกไปด้านนอกก็พอแล้ว ...เตือนพวกที่เฝ้าด้านหน้าด้วยแล้วกัน ให้ช่วยดู ๆ กันหน่อย


จากนั้นพิชญ์ก็เดินกลับเข้าคฤหาสน์เพื่อไปสะสางงานของตนต่อ พิชานถอนหายใจเบา ๆ เพราะรู้ดีว่าพิชญ์นั้นรักและตามใจวิรัลมาแต่ไหนแต่ไร สำหรับพิชญ์แล้ว เด็กหนุ่มเป็นมากกว่าเจ้านาย เป็นคนที่พิชญ์พร้อมที่จะสละชีวิตปกป้องทุกเมื่อ ถ้าอีกฝ่ายเกิดมีภัยขึ้นมา
                “นายหญิงคิดผิดหรือคิดถูกนะ ที่ให้ท่านวิรัลมาอยู่ตามลำพังกับท่านพิชญ์ที่กรุงเทพฯ นี่


พิชานบ่นพึมพำกับตัวเอง เมื่อนายท่านที่พวกเขาควรจะปกป้องดูแลราวไข่ในหิน ตอนนี้กลับทำตัวไม่แตกต่างจากเด็กหนุ่มทั่วไป โดยมีคนสนิทเช่นพิชญ์รู้เห็นเป็นใจด้วย

อีกด้านหนึ่งวิรัลนั้นขี่จักรยาน มองสองข้างทางไปพลางอย่างตื่นเต้น แม้จะเป็นเพียงวิวของบ้านพักอาศัยทั่วไป  แต่นานแล้วที่เขาไม่ได้มีโอกาสเป็นอิสระโดยไร้คนปกป้องเช่นนี้
                “ถ้าท่านย่ารู้เข้า มีหวังโดนเอ็ดแน่...

วิรัลพึมพำพลางห่อไหล่เมื่อนึกถึงหญิงชราผู้เข้มงวดคนนั้น 
                “แต่ก็นะ...หมอนั่นทำตามสัญญาจริง ๆ นั่นล่ะ


เด็กหนุ่มอมยิ้มเมื่อหวนนึกถึงคำที่พิชญ์เคยพูดไว้กับเขาเมื่อครั้งอดีต
                “ผมสัญญานะครับ ว่าจะมอบอิสระให้แก่ท่านในสักวัน


พิชญ์ไม่เคยผิดสัญญากับเขา หากชายหนุ่มให้คำสัญญาเมื่อใด ก็จะต้องทำให้มันสำเร็จจนได้ เขาจึงมอบความไว้วางใจทั้งหมดให้กับคนสนิทผู้นี้ ...คนเพียงผู้เดียวที่เขาเชื่อมั่นว่าจะไม่มีวันทรยศต่อเขาเด็ดขาด
                “แต่ก็ยังไม่อิสระสักทีเดียวล่ะนะ


วิรัลพึมพำพลางถอนหายใจเบา ๆ เมื่อเห็นผู้หญิงคนหนึ่งซึ่งกำลังกวาดใบไม้หน้าบ้านของเธอ โค้งให้เขา
                “เอาเถอะ ...ได้แค่นี้ก็ยังดีกว่าตอนอยู่บ้านนอกนั่น


เด็กหนุ่มเปรยอย่างนึกปลง แล้วจึงขี่จักรยานไปทางทิศหน้าหมู่บ้าน หลังจากสอบถามคนแถวนั้นว่ามีร้านค้าตั้งอยู่ที่ไหนในนี้กันแน่ 
ในเวลาเดียวกันนั้น แต่ต่างสถานที่ ร่างสูงที่กำลังนั่งอยู่บนรถส่วนตัวของตน ก็ต้องยักไหล่นิด ๆ เมื่อพบว่ามีรถยนต์ติดฟิลม์กระจกดำแล่นขนาบมาเคียงข้างรถที่เขานั่งอยู่
 “บัดซบ! พวกไหนกันนะ!


ชาครที่ขับรถอยู่และสังเกตเห็นเช่นกัน สบถอย่างหงุดหงิด ผิดกับนายของเขาที่ยังคงนั่งนิ่งเฉยดังปกติ
                “ไม่รู้สิ...แต่คิดว่าคงไม่ใช่พวกเดียวกันหรอก เพราะพวกนั้นไม่ชอบอะไรหลบ ๆ ซ่อน ๆ แบบนี้” 


ชาครถอนหายใจเฮือกใหญ่ ที่นายของเขายังคงเห็นเป็นเรื่องเล็ก แม้จะรู้ดีว่าอีกฝ่ายนั้นไม่ได้มาดีแน่
                “ก็หวังว่าพวกนั้นคงไม่ใช้กระสุนเงินมายิงพวกเราล่ะนะ ...


ธามเอ่ยขึ้นต่อ แล้วยกยิ้มนิด ๆ ที่มุมปาก ก่อนจะเหลือบมองกระจกที่ไขลงจากรถข้าง ๆ พร้อมกับใครบางคนที่นั่งอยู่เบาะหลังกำลังเล็งปืนกลมาทางเขา
                “หึ! เล่นของแรงเสียด้วยสิ ...ขับหลบดี ๆ หน่อยแล้วกันชาคร


ชาครแค่นยิ้มเครียด เขาเหยียบคันเร่งเพิ่มความเร็วของรถ หมายจะสลัดให้หลุดแต่อีกคันก็เร่งความเร็วตามพร้อมกับสาดกระสุนเข้าใส่อย่างไม่เล็งเป้าหมาย แต่หวังผลว่าหนึ่งในนั้นจะช่วยดับลมหายใจของคนที่นั่งอยู่ในรถได้บ้าง

คนที่ขับรถติดฟิล์มดำ ชะลอจอดรถแถวข้างทาง หลังปฏิบัติภารกิจที่ได้รับมาเรียบร้อย เจ้าตัวตะโกนบอกมือปืนสังหาร เมื่อเห็นรถเป้าหมายจอดแช่นิ่งไม่เคลื่อนไหวอีกต่อไป
                “เฮ้ย! ไปตรวจดูสิว่ามันตายหรือยัง!


ผู้เป็นมือปืนพยักหน้ารับรู้ เจ้าตัวลงจากรถที่นั่งอยู่ เดินตรงไปดึงประตูรถที่จอดแช่สนิทให้เปิดออกอย่างไม่ยาก เพราะมันพรุนจนแทบไม่เหลือสภาพเดิม แต่แล้วก็ต้องตาเบิกกว้าง อย่างไม่อยากเชื่อสายตา เมื่อคนที่น่าจะตายไปแล้วกลับยังคงนั่งยิ้มบนเบาะ พลางจ้องมองตอบอย่างสบายอารมณ์  ทว่าร่างกายนั้นกลับไม่เกิดบาดแผลใด ๆ ให้เห็นเลยแม้แต่น้อย
                “ทีหลังหัดเล็งก่อนยิงนะ ยิงกราดแบบนั้น ต่อให้ไม่ใช่พวกฉันก็หลบได้สบาย ๆ อยู่แล้ว ...ขนาดเขาขับไปหลบไป ยังไม่โดนสักนัด จริงไหมชาคร
ธามแสร้งถามคนสนิท ซึ่งก็มีเสียงคำรามดังขึ้นแทนคำตอบ ทำให้มือปืนปริศนาสะดุ้งเฮือก ทว่าก็ยิ่งต้องตาเบิกกว้างแทบถลน เมื่อมองไปทางตำแหน่งคนขับ และได้เห็นการเปลี่ยนแปลงของคนตรงหน้าเต็มสองตา
                “วะ...เหวอ!


เสียงอุทานอย่างตกใจดังขึ้น พร้อมกับเจ้าของเสียงที่หันหลังกลับ เตรียมจะวิ่งหนีไปจากบริเวณนั้น ทว่าก็ต้องสะดุ้งเฮือก เมื่อมือใหญ่ที่เต็มไปด้วยขนยุบยับ พุ่งทะลุกระจกรถ ตรงเข้าคว้าหมับที่คอของมือปืนผู้เคราะห์ร้ายมาบีบดังกรอบ ก่อนจะเหวี่ยงร่างไร้ชีวิตนั่นทิ้งไปบนพื้นถนนอย่างไร้ปราณี
                “เฮ้ย! ไอ้สน!


คนขับรถที่เห็นร่างของเพื่อนถูกเหวี่ยงไปนอนกองกับพื้นถนน อุทานอย่างตกใจ ก่อนจะตาเบิกกว้างตามมาด้วยความตกตะลึงสุดขีด เมื่อเห็นประตูรถของเป้าหมายที่พรุนไปด้วยรอยกระสุนข้างหนึ่ง ถูกบางอย่างถีบกระเด็นออกมา พร้อมกับการปรากฏกายของร่างสูงใหญ่ที่เต็มไปด้วยขนสีเทาเต็มตัว ใบหน้าที่เคยเป็นมนุษย์บัดนี้กลับกลายเป็นอสุรกายที่มีฟันแหลมคม มีขนเต็มทั่วหน้า และมีใบหูคล้ายสัตว์ป่า
                “เหวอ...ปะ...ปีศาจ...


    เจ้าตัวเอ่ยติดขัดด้วยความตกใจ ก่อนจะรีบตั้งสติแล้วขับรถออกไป ทว่ากลับไม่ทันอีกฝ่ายที่กระโจนมากระชากประตูรถที่เตรียมจะแล่นหนีหลุดติดมือ แล้วจึงกระชากคอเสื้อของคนขับ ที่บัดนี้ตัวสั่นงันงกด้วยความหวาดกลัวออกมาจากรถ ยกลอยเหนือพื้นดิน
                “ใครเป็นคนส่งแกมา!


เสียงทุ้มต่ำคำรามขู่ ปากกว้างเต็มไปด้วยฟันยาวแหลมคมก็ยื่นเข้ามาใกล้ คล้ายจะขบศีรษะอีกฝ่ายได้ทุกเวลา
                “วะ...เหวอ...อย่าทำอะไรฉันเลย...ฉันกลัวแล้ว!


คนที่ถูกกระชากคอเสื้อบอกเสียงสั่น สติกระเจิดกระเจิง จนธามที่มองอยู่นึกขำ
                “เอ้า ๆ ชาคร อย่าขู่เขาน่ากลัวแบบนั้นสิ ...นี่นายน่ะ ถ้าไม่อยากโดนงาบหัวล่ะก็ บอกความจริงมาดีกว่านะ ...ชีวิตตัวเองกับชีวิตคนอื่น อย่างไหนสำคัญกว่ากันล่ะ หือ

นักฆ่าปริศนาหันไปมองคนที่เดินมาสมทบกับพวกเขา แล้วจึงเอ่ยถามเสียงสั่น
                “จะไม่ฆ่าผมจริง ๆ นะ
                “อืม...ถ้าพูดความจริง จะให้โอกาสหนีก็ได้


ธามไม่ได้รับปากอะไรมากนัก แต่คนฟังเริ่มคิดหนัก และเมื่อเห็นอีกฝ่ายทำเป็นถอนหายใจแล้วหันไปทางมนุษย์หมาป่าตรงหน้า พร้อมกับยักไหล่ เขาก็รีบโพล่งออกมาทันที
                “ดะ...เดี๋ยว! ผมบอกแล้ว! คนที่จ้างผมมากำจัดคุณก็คือ คุณกริช คู่แข่งของคลับคุณนั่นล่ะ!


ธามขมวดคิ้วน้อย ๆ ก่อนจะแสร้งทำเป็นถอนหายใจเบา ๆ
                “มิน่าล่ะ ก็แปลกใจอยู่ว่าทำไมถึงมีคนมาขอเจรจาขายที่ดินที่ฉันเล็งไว้ ช่วงเวลานี้ ...เฮ้อ ก็ว่าแบ่งลูกค้ากันดี ๆ แล้วแท้ ๆ นะ
                “ผมบอกความจริงคุณแล้ว คุณจะไว้ชีวิตผมใช่ไหม! ปล่อยผมไปเถอะ! ผมแค่ถูกใช้มาเท่านั้น!


อีกฝ่ายรีบเอ่ยทวงสัญญา ธามยกยิ้มนิด ๆ ที่มุมปาก แล้วจึงเอ่ยขึ้น
                “งั้นทางฉันจะนับหนึ่งถึงสามสิบ พอเริ่มนับนายจะหนียังไงก็หนีไป ถ้าหนีพ้นก็ถือว่ารอด แต่ถ้าไม่พ้น...


ธามละคำพูดไว้แค่นั้น ทว่านัยน์ตาคมกริบที่มองมาทำให้คนถูกมองต้องกลืนน้ำลายลงคออย่างหวาดหวั่น
                “ปล่อยเขาได้แล้วชาคร


ร่างของมนุษย์หมาป่าตรงหน้าปล่อยมือจากคอเสื้อของอีกฝ่ายตามคำสั่งของผู้เป็นนาย จากนั้นธามจึงเริ่มนับขึ้นช้า ๆ ซึ่งพอได้ยินเสียงนับ นักฆ่านิรนามก็รีบลนลาน หนีขึ้นไปบนรถ แล้วเหยียบคันเร่งขับหนีไปจากบริเวณนั้นทันที
                “28...29...30  เอาล่ะ...เริ่มเกมไล่ล่ากันได้แล้ว


 สิ้นเสียงของธาม ชาครในร่างของมนุษย์หมาป่าก็พุ่งกระโจนไปด้านหน้าอย่างรวดเร็ว จนแม้แต่คนที่กำลังขับรถหนียังต้องตาเบิกกว้าง เมื่อเห็นอมนุษย์ผู้น่าพรั่นสะพรึงวิ่งขนานมากับเขาซึ่งอยู่บนรถ
                “...แกหนีไม่พ้นแล้ว  เพราะฉะนั้นตายซะ!

มนุษย์หมาป่าสีเทากระชากร่างนักฆ่าผู้เคราะห์ร้ายออกจากรถ ทำให้รถที่เสียหลักไร้คนบังคับพลัดตกไปข้างทาง ส่วนคนขับนั้นบัดนี้ถูกเหวี่ยงอัดกระแทกกับพื้นถนนเต็มแรง จนเจ้าตัวถึงกับกระอักเลือดออกมากองเป็นลิ่มเต็มไปหมด ก่อนจะตาเบิกกว้างเป็นครั้งสุดท้ายเมื่อมือใหญ่ตามมาตะปบศีรษะตน

ชาครมองร่างที่ไร้วิญญาณตรงหน้าด้วยสายตาเย็นชา ก่อนจะมองไปรอบ ๆ อย่างนึกโล่งอกที่ถนนสายนี้ไม่มีบ้านเรือนอยู่ นอกจากท้องนารกร้างสองข้างทาง  แต่ก็ไม่น่าแปลกใจอะไรเพราะถ้าไม่ใช่ทางเปลี่ยวเช่นนี้ พวกนักฆ่าก็คงไม่เลือกลงมือกับพวกเขาแน่
                “เฮ้อ! ต้องมาคอยจัดฉากสร้างหลักฐานอีกแล้วสินะ


มนุษย์หมาป่าสีเทาบ่นพึมพำอย่างเอือมระอา เพราะนายของเขานั้น ขยันสร้างศัตรูเอาไว้รอบด้าน ทั้งมนุษย์ และพรรคพวกเผ่าเดียวกัน
                “จัดการเรียบร้อยแล้วหรือชาคร


ธามเอ่ยทักทายลูกน้องคนสนิทที่เดินกลับมาหาเขา พร้อมรอยยิ้มน้อย ๆ ชาครพยักหน้าตอบรับ ก่อนจะค่อยๆ กลับคืนสู่ร่างมนุษย์ของตน ทว่าเสื้อผ้าที่ขาดรุ่งริ่งไปตอนกลายร่างก็แทบจะไม่หลงเหลือปิดกายได้ แต่เจ้าตัวก็ไม่ได้เดือดเนื้อร้อนใจ กลับเดินไปเปิดหลังรถ หยิบเสื้อผ้าสำรองในกระเป๋าหนังใบใหญ่มาใส่ตามปกติ
                “นายนี่เตรียมพร้อมชะมัด
                “ก็ไม่ใช่เคยเจอแบบนี้ครั้งแรกนี่ครับ


ชาครบอกด้วยน้ำเสียงเหนื่อยใจ จนธามต้องอมยิ้ม
                “เอาน่า...ถือว่าเป็นการซ้อมมือเอาไว้ก่อนแล้วกัน ถ้าการคัดเลือกประมุขเกิดขึ้นเมื่อไหร่ นายกับฉันคงต้องเหนื่อยกว่านี้อีกเยอะ


ชาครชะงัก ก่อนจะเปลี่ยนสีหน้าและแววตาเป็นจริงจังขึ้นกว่าเดิม
                “ถ้าเพื่อให้ท่านธามกลายเป็นประมุขคนใหม่ของวกะ ผมยินดีสละแม้กระทั่งชีวิตอันไร้ค่านี้ครับ!
                “หึ ๆ ขอบใจ ...แต่ฉันอยากให้นายคอยอยู่ช่วยเป็นมือขวา ตอนวันที่ฉันขึ้นเป็นประมุขนั่นมากกว่านะ


ธามตบบ่าคนสนิทของเขา แล้วจึงเข้าไปนั่งเล่นรอในรถที่พรุนไปด้วยรอยกระสุน เขาปล่อยให้ชาครจัดการเคลียร์ทุกอย่าง หลังจากนั้นไม่นานนัก รถคันใหม่พร้อมลูกน้องของชายหนุ่มก็มาจอดรับธามกลับที่พัก และปล่อยให้ลูกน้องที่เหลือช่วยกันจัดการเก็บกวาดหลักฐานที่เหลือ ให้กลับกลายเป็นเรื่องของอุบัติเหตุแทนอย่างน่าอัศจรรย์


.... TBC ...

น้องกวางน้อย กับ พ่อหมาป่าของเรา  ทั้งคู่จะมีโอกาสได้พบเจอกันอย่างไร รอติดตามได้ในตอนที่ 2

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น