วันพุธที่ 4 มกราคม พ.ศ. 2560

ตอน 2 จ้า


                “หน้าไปโดนอะไรมาห่ะยายดันสังเกตเห็นรอยแดงในระหว่างการกินมื้อเช้า
                “ไม่รู้เหมือนกันคับ สงสัยตอนนอนหน้ามันไปกดกับหมอน มั้ง .. ผมตอบ แต่มันเจ็บด้วยนี่ซิ อธิบายด้วยเหตุผลไม่ถูก
                “เดี๋ยวนายสนเค้าจะให้เจ้าโอ้ตพาปริ้นไปดูโรงเรียนนะยายผมบอก โอ้ตนี่คงเป็นลูกลุงสนล่ะมั้ง ว่าแต่ทำไมพ่อชื่อสน ลูกชื่อโอ้ตวะ ช่างมันๆ ซักพักผมก็กลับมาที่บ้านเล็ก สายตาก็เหลือบไปมองประตูลงไปในห้องใต้ดิน

ว้า ผมกะว่าวันนี้ตั้งใจจะลงไปสำรวจดูซะหน่อย แต่ไม่เป็นไร เอาไว้พรุ่งนี้ก็ได้วะ ว่าแล้วผมก็รีบเปลี่ยนเสื้อผ้า แล้วก็นึกขึ้นมาได้ว่า มีแต่ชุด นร เก่านี่หว่า แล้ว รร ใหม่ก็ใช้กางเกงสีน้ำตาลด้วย ฮ่วยๆๆ
ไม่ชอบเล้ยยย (ความคิดตอนนั้นนะ ฮะๆ อย่าพี่งด่าผม) ผมรอไปประมาณครึ่งชั่วโมง กลิ้งไปกลิ้งมาอยู่ในห้อง พี่แกก็ไม่ยอมมาซะที ผมก็เลย …. หลับ เหอๆ
                “คุณปริ้น ….”
                “ฮ้ะ คร๊าบบบผมงัวเงียตอบไป
                “คุณปริ้น คือผมมารับคุณไปโรงเรียนครับ - - - เออ ผมว่าล้างหน้าก่อนไปดีกว่านะผมลืมตาขึ้นก็เห็นหนุ่มน้อยหน้าเข้มคนนึงยืนยิ้มอยู่ที่หน้าห้อง
                “เออ ครับรู้สึกอายๆ ที่มีคนมาเห็นสภาพที่ดูอนาถตอนนอน แล้วก็รีบเอามือไปปาดน้ำลายที่ปาก

เวรแล้วไง นอนน้ำลายยืดด้วยกู หลังจากไปจัดตัวเองให้เข้าที่เข้าทางใหม่อีกรอบ คนที่ผมคิดว่าน่าจะเป็นพี่โอ้ต ก็เดินนำผมไปที่รถ
                “พี่เป็นลูกลุงสนเหรอ ? ” ผมถามอะไรโง่ๆเพื่อความแน่ใจ เพราะผมนึกว่า ลูกลุงน่าจะดูแก่กว่านี้อ่ะ ดูคนๆนี้น่าจะอายุไม่ถึง 20 ด้วยซ้ำ
                “ครับ
                “เออ พี่ไม่ต้องพูดว่า ครับ ก็ได้ แล้วก็ไม่ต้องเรียกผมว่า คุณ หรอก มันแปลกๆอ่ะ
                “ไม่ได้หรอกครับ ก็คุณเป็นหลานเจ้านายของพ่อผมนี่ครับว่าแล้วพี่แกก็ส่งยิ้มแบบมีมารยาทให้ผม แล้วก็ออกรถ พี่โอ้ตจะค่อนข้างจะพูดเหน่อครับ เหน่อแบบเป็นเอกลักษณ์ของคนจังหวัดนี้อ่ะ ฟังแล้วแปลกๆดี
                “แล้วตอนนี้พี่เรียนอยู่ป่าวคับ
                “ผมก็เรียนอยู่ที่เดียวกับที่คุณปริ้นจะเรียนนี่ล่ะคับ แต่ผมเรียน ม.6 ”
                “อ้าว จริงดิ งั้นก็ห่างกันแค่ปีเดียวอะดิ งั้นเราเรียกนายว่าโอ้ตเฉยๆล่ะกัน ได้ป่ะน่าน ได้ทีผมปีนเกลียวคับ หุหุ
                “ก็แล้วแต่คุณครับ แต่ - - -
                “แล้วนายก็ต้องเรียกเราว่า ปริ้น เฉยๆด้วยผมรีบพูดขัด
                “คิดดูเด๊ะ อยู่โรงเรียนเดียวกัน แล้วนายมาเรียกเราว่า คุณปริ้น ไรงี้ เราอายตายชัก เราไม่ใช่คุณหนูนะเว้ย

พี่โอ้ตแสดงความรู้สึกลำบากใจออกมานิดหน่อย
                “แต่ว่า ถ้าคุณ - - -
                “ก็ถ้าอยู่ที่บ้าน นายจะเรียกยังไงก็แล้วแต่นาย แต่อยู่ที่โรงเรียน ก็เรียกตามนี้ล่ะกันผมพูดตัดบท
                “เครนะ
                “อะไรเครครับ ? ”
                “หมายถึง โอเค
                “อ่อ โอเค

โอ้ตเอานิ้วเกาแก้มตัวเองเบาๆ แสดงอาการเขิน เออ น่ารักดีแฮะ ……………….. ว่าแต่ทำไมผมถึงรู้สึกว่าการกระทำม่ะกี้ของโอ้ตมันดูน่ารักว้า

ประมาณครึ่งชั่วโมงเอง โอ้ตก็พาผมขับรถมาจอดอยู่ด้านข้างโรงเรียน เพราะว่า เค้าไม่อนุญาตให้นักเรียนขับรถเข้าไปได้ฮะ แล้วโอ้ตก็พาเดินไปดูรอบๆโรงเรียน ว่าตึกไหน เป็นตึกไหนแบบคราวๆ ซึ่งปกติแล้ว ถ้าผมเข้ามาช่วง ม 1 หรือ ม 4 เนี่ย เค้าก็จะมีปฐมนิเทศแล้วพี่ๆ ก็จะพาแนะนำ แต่ผมดันมาเข้ากลางอากาศตอน ม 5 เลยต้องมาพึ่งโอ้ตนี่ล่ะ
                “โรงเรียนเก่าปริ้นเป็นโรงเรียนชายล้วนใช่ป่ะโอ้ตถามผมหลังจากเดินมาถึงที่ที่เรียกว่า ตึก 5
                “อือ มีแต่ผู้ชาย” (ก็ต้องงั้นอยู่แระ)
                “ที่นี่ก็เคยเป็นชายล้วน แต่ตอนนี้เปลี่ยนเป็นสห หมดแล้ว

โห เสียดายแย่เลย เอ้ย ม่ายช่าย
แต่ที่นี่ยังพิเศษกว่าโรงเรียนอื่นอีกนิดหน่อย .. โอ้ตยิ้ม แล้วก็เดินนำไปด้านหลังอาคาร มันเป็นสวนป่าครับ แล้วก็มีน้ำตกที่สร้างขึ้น แล้วก็ …. ภูเขา
                “เฮ้ยยย มีภูเขาติดโรงเรียนด้วยอ่ะ ไฮโซโคดๆผมออกอาการดี๊ด๊า เพราะไม่เคยเห็น
                “ช่ายยยยโอ้ตมันพูดแบบภูมิใจ จะลองปีนขึ้นไปดูมั้ย
                “เค้าให้ปีนขึ้นไปได้ด้วยเหรอ ? ”
                “เวลาปกติก็ห้ามอยู่แล้ว แต่นี่มันปิดเทอมอยู่น่ะ แต่เวลาเปิดเรียน เด็กมันก็โดดออกทางนี้ประจำล่ะอ่าเป็นข้อดีของการมีเขาติดหลังโรงเรียน แล้วโอ้ตก็นำผมไปเจอขุมทรัพย์ของชีวิตนักเรียน (โดดเรียน) มันเป็นพื้นชันๆขึ้นไปบนเขา แต่ดูแล้วมีรอยถากถาง แล้วก็เหมือนถูกใช้มาหลายรุ่นแล้วล่ะ
                “รู้ทางกะเค้าด้วยแฮะ
                “55 ก็เคยขึ้นไปเหมือนกันนี่นา - - -โหย เห็นหน้าแบบนี้ โดดกะเค้าด้วยนี่หว่า
                “- - - แต่ว่าขึ้นไปจับไอ้พวกเด็กที่มันโดดนะ พอดีโอ้ตเป็นกรรมการนักเรียน

แป่ว หน้าแหก
                “แล้วงี้ ถ้าเราโดดบ้าง โอ้ตจะจับป่ะ ? ”

โอ้ตทำหน้าเจ้าเล่ห์ ซึ่งไม่ค่อยจะเคยเห็น จับดิผมแกล้งทำหน้างอใส่
                “ป่ะขึ้นไปดูข้างบนโอ้ตบอกพลางเดินนำขึ้นไปบนทางชัน
                “แน่ใจนะเราขึ้นไปแล้วมันจะไม่ร่วงลงมาผมถามเพราะว่าไม่เคยปีนเขามาก่อน
                “ถ้าร่วงเดี๋ยวโอ้ตรับเอง ไม่ต้องกลัวโอ้ตบอก แล้วก็ยื่นมือมาหาผม

หงึบ อึ้งไปแว่บนึง พร้อมกับความผะผ่าวที่ใบหน้า แต่ก็ยื่นมือไปจับมือโอ้ตไว้ พยุงตัว
                “ขะ ขอบใจผมยิ้มให้ แล้วก็โอ้ตก็ยิ้มตอบกลับมา

อะไรบางอย่างที่ซับซ้อนมากกว่าคำว่ามิตรภาพกำลังจะเริ่มขึ้น(เหรอป่าว ?)
                “อีกนิดเดียวปริ้นโอ้ตบอก พร้อมกับดึงมือผม ซึ่งตอนนี้รู้สึกว่า อยากจะนอนมันอยู่แถวๆนั้น แทนที่จะปีนขึ้นไปด้านบนแล้ว (ถ้าเป็นตอนนี้ แค่ 10 นาทีคงถึง)
                “คุณพี่ค๊าบ ผมขอพักตรงนี้ก่อน
                “เดี๋ยวอีกนิดก็ถึงแล้วพลางฉุดมือผมขึ้นมาด้วยความยากเย็น

ซักพัก ด้วยความพยายามของผม (และโอ้ต) ก็ทะลุออกมาเป็นถนนที่ทำไว้ให้รถยนต์ขึ้นไปจอดบนเขาได้
                “ทางเรียบแล้ว เดี๋ยวเดินไปอีกนิดก็จะถึงแล้วโอ้ตว่า
                “เหนื่อยผมบอก
                “ว่าแล้ว .. เด็กกรุงเทพก็เงี้ย สู้เด็กตจว อย่างโอ้ตก็ไม่ได้
แล้วโอ้ตก็เดินขึ้นไปต่อ โดยไม่คอยผมครับ ใจร้ายมากกก

ผมพยายายามตะเกือกตะกายเดินต่อ จนออกมาเห็นเป็นลักษณะของพระราชวังที่ตั้งอยู่บนยอดเขาครับ โอ้ตพาผมซื้อน้ำที่มีขายอยู่ข้างบน แล้วก็พาขึ้นไปนั่งพักอยู่บนที่ๆเค้าใช้เป็นหอดูดาวสมัยก่อน อยู่บนนี้ ลมพัดเย็นมากจนหายเหนื่อยไปเลย โอ้ตชี้ให้ดูนั่นดูนี่อีกหลายอย่าง ดูท่าทางมีความสุขมาก ผมก็มีความสุขมากเช่นกัน แต่ไม่แบบอธิบายไม่ถูก แฮะๆ

เราพี่น้องเดินวนไปวนมาจนกระทั้งเกือบเย็น เพราะว่าอะไรๆก็ดูประทับใจผมไปซะทั้งหมดบนนี้ แล้วก็ดูเหมือนว่า ขาลงก็ง่ายดายกว่าขาขึ้นมาก ผมแค่ระวังไม่ให้ตัวดิ่งลงไปเร็วจนเกินไป จนทำให้หน้าทิ่มดินแล้วก็กลิ้งๆลงมา แค่นั้นเอง
                “หนุกมั้ยโอ้ตถาม ผมรู้สึกว่าโอ้ตเริ่มจะคุ้นเคยกับการไม่พูด คุณ กับ ครับ กับผมแล้ว
                “มากๆอ่ะ
                “แต่ตอนเรียน ห้ามโดดขึ้นไปเลยนะโอ้ตรีบปราม เพราะไม่งั้น - - -
                “คุณพี่โอ้ตก็จะจับผมไปขึ้นห้องปกครองใช่ป่าว


โอ้ตหันกลับมายิ้มกริ่ม ใบหน้าแสดงความพอใจ
                “อยากรู้ น้องปริ้นก็ลองดิครับ

หลังจากวันที่โอ้ตพาผมไปโรงเรียนวันนั้น เกือบทุกวัน โอ้ตมันก็จะมารับผมไปเที่ยวที่โน่นที่นี่ ซึ่งส่วนใหญ่ก็จะเป็นทะเลครับ หัวหินเอย สวนสนเอย สนุกสนานมาก ตอนเช้าตื่นมา ก็เตรียมตัวมีหนุ่มมารับออกไปเที่ยว กลับมาตอนเย็น ก็เหนื่อยจนไม่อยากทำอะไรแล้ว .. เป็นอย่างนี้มาจนพรุ่งนี้จะเป็นวันเปิดเทอมแล้ว ผมก็มีอันนึกได้ว่ายังไม่ได้ซื้อเสื้อผ้าเลย
                “โอ้ต เรายังไม่ได้ซื้อเสื้อเลยวะ
                “ทำไมพึ่งมาบอกตอนนี้เนี่ยโอ้ตมันทำเสียงประณาม
                “เอาน่า เป็นครายกันจะมาเทศนาเราผมหลุดปากออกไปโดยไม่ทันได้คิด โอ้ตดูซึมไปเลย
                “เออ เราขอโทษ คือ เราพูดเล่นผมเดินไปกอดคอโอ้ต ทำทีเป็นล้อเล่น แต่โอ้ตมันกลับจับมือผมออก
                “ไม่เป็นไรหรอกครับแล้วมันก็เดินไปที่รถ

อ้าวเว้ยเห้ย งอนซะงั้น กรูขอโทษแล้วงายย
                “ผมก็แค่ลูกคนใช้ในบ้าน คุณจะพูดยังไง ผมจะไปโกรธคุณได้ไง - - ขึ้นรถซิครับ จะพาไปซื้อ

โอ้ตมันพูดยืดยาว แถมขัดจังหวะตอนที่ผมทำท่าจะอธิบาย ตอนนั้นผมรู้สึกแย่มากๆครับ ที่พูดอะไรแล้วไม่ทันคิด เป็นโรคปากไวแต่กำเนิด ทำไงได้อ่ะ - -
                “เราขอโทษนะ หายโกรธยังผมหันไปถาม เพราะแน่ใจว่ามันยังโกรธอยู่แน่นอน แมร่ง เล่นไม่พูดไม่คุยตลอดระยะเวลาที่มากับผมเลย
                “ไม่ได้โกรธโอ้ตตอบแบบไม่หันมา “ - - - ครับ
                “ก็บอกแล้วไง ว่าไม่ต้องพูดครับ กับเรา แล้วดูทำหน้าดิ๊ อย่างกับตูด แล้วบอกว่าไม่ได้โกรธอ่า ผมชักเหลืออดครับ เพราะว่ารู้สึกชักจาเล่นตัวกะกรูแล้วนะมรึง
                “โอ้ตตต

ผมหันไปหาเสียงเรียก ก็พบว่า มีกลุ่มคนกำลังเดินเข้ามาทักทายโอ้ต คงเป็นเพื่อนเค้าล่ะ (แหงล่ะซิมึง) เป็น หญิง 1 ชาย 2
                “ว่าไงโอ้ตทักแบบไม่ค่อยสบอารมณ์
                “มาทำไรวะ
                “มาซักผ้ามั้งมึง

โหกวนตีน
                “เออ กูนึกว่ามึงมาชักว่าว ไอ้สาด

กวนตีนพอกัน
ผมยืนฟังเพื่อนๆเค้าทักทายกันซักพัก ก็มีคนหันมาสนใจผมซะที
                “ใครอะโอ้ตเสียงพี่ผู้หญิงถาม
                “อ่อ เป็น - - -โอ้ตเหมือนจะตอบไม่ออก
                “ปริ้นคับ เป็นลูกพี่ลูกน้องพี่โอ้ตอ่ะครับผมยิ้มตอบไป วิญญาณสะตอเข้าสิง จะมาเรียนโรงเรียนพี่โอ้ตครับ
                “จริงดิโอ้ต พี่ผู้หญิงหันไปถามโอ้ต เอ้า ก็กรูพึ่งบอกไปหยกๆเนี่ย ม่ะเชื่อกรูเหรอ
                “เออ
                “ฝน เห็นน้องเค้าน่ารักหน่อยนี่ ต่อมแรดออกเลยนะมึงเสียงพี่ผู้ชายคนนึงแซว ผมก็หันไปมอง แล้วจากนั้นผมก็รู้จักทั้ง 3 คนครับ พี่ท็อป พี่ฝน พี่กล้า พี่ท็อปจะออกแนวเถื่อนๆ ตัวใหญ่โคตร ผมว่าโอ้ตตัวใหญ่แล้ว พี่ท็อปยังใหญ่กว่า ประมาณใหญ่และตัน พี่ท็อป ตัวพอๆกะผมครับ ขาวกว่า เป็นอาตี๋เลย แต่ก็พูดเหน่อเหมือนกะโอ้ต ดูดีเวลาทำหน้าเฉยๆ แต่เวลาพูดแล้วจาปากหมา ส่วนโอ้ตของผม(ตั้งแต่ม่ะไร)จะผิวสีแทนๆ ไม่ดำ ไม่ขาว ตัวสูง แต่ไม่ล่ำเท่าพี่ท็อป ที่สำคัญ น่ารัก ^^

คุยกันได้ซักพักนึง ก็แยกย้ายครับ เพราะเย็นพอควรแล้ว พวกเพื่อนโอ้ตอยู่ในเมือง แต่เราสองคน อยู่นอกเมืองคับ ต้องเสียเวลาเดินทางกลับอีก

กลับมาถึง ยายก็เรียกผมไปให้โอวาท พร้อมกะเทศอีกนึงดอก เพราะรู้ว่าผมพึ่งมาจัดหาของเอาวันสุดท้าย พร้อมกับบอกให้รีบนอน เพราะต้องรีบตื่นด้วย
                “ทำไมนายต้องบอกยายด้วยอ่ะ แค่ไปซื้อเสื้อก่อนเปิดเรียนแค่นี้อีกผมพูดฉุนๆกะโอ้ต เพราะนึกว่ามันไปบอกยาย
                “ผมไม่ได้บอกซะหน่อยโอ้ตเหมือนจะอารมณ์เสียขึ้นมาบ้าง ยายคุณถามพ่อผมต่างหากว่าจะผมพาคุณไปไหนวันนี้

ว่าพลางกระแทกประตูใส่หน้าจ๋อยๆของผม หลังจากได้ไปกล่าวว่าโอ้ตไว้อย่างงั้น จะพูดขอโทษมันก็ไม่ทันซะแล้ว
                “คุณปริ้น ปริ้น ตื่นได้แล้ว

เสียงโอ้ตดังเข้ามาในจิตสำนึก พร้อมกับแรงเขย่าตัว
                “ขออีก 5 นาทีผมว่าพลางซุกตัวเข้ากับผ้าห่ม
                “ถ้างั้นผมจะบอกยายคุณให้มาปลุกเองมันพูดพร้อมทำท่าเดินออกจากห้องไปจริงๆ ท่าทางยังไม่หายโกรธจากมะวานแฮะ
                “เง้ยย ตื่นแล้วผมว่าพลาง ลุกขึ้นมาเกาหัว กี่โมง
                “จะหกโมงเช้าแล้ว
                “โห จะรีบตื่นทำมายยย ขับรถไปแป็บเดียวก็ถึง
                “ขับไปไม่ได้ ต้องนั่งรถไปครับ
                “โห .. ผมโอดครวญ ที่ยายพูดไว้ตั้งแต่ตอนมาก็จริงอะดิ นึกว่าไม่ต้องนั่งรถเมล์กรุงเทพแล้วนะเนี่ย ต้องมานั่งรถเมล์ต่างจังหวัดอีก กำของกรู

ผมก็รีบพุ่งเข้าไปอาบน้ำทันที เพราะว่า ต้องนั่งรถไปใช้เวลาเกือบชั่วโมงกว่าจะถึงโรงเรียน ยายทำไมชอบทำไรให้ยุ่งยากด้วยว้า ผมวิ่งผ่านน้ำออกมา ก็พบว่ามีเสื้อนักเรียนใหม่เอี่ยม แขวนไว้บนตู้เสื้อผ้า แต่โอ้ตไม่ได้อยู่ในห้องแล้ว อ่ะ ผมเข้าไปสังเกตเห็นตรงหน้าอก มีชื่อโรงเรียน แล้วก็ชื่อผมปักไว้แบบหยาบๆ
                “โอ้ต

ผมคราง มันปักชื่อให้เราเหรอเนี่ย งั้นม่ะคืนก็ไม่ได้นอนเลยอะดิ ความรู้สึกผิดม่ะวานยังไม่หาย แต่เช้านี้มันยิ่งมากขึ้นมาอีกครับ ระหว่างรอรถป 2 ผมกะโอ้ตก็ไม่ได้คุยอะไรกัน แต่ก็แอบสังเกตคับ ว่าโอ้ตมันหาวบ่อยมาก ผมจะพูด ก็ปากหนัก ไม่รู้จะเริ่มยังไงดี จนได้ขึ้นรถ รถก็แบบว่า โคตรเต็มครับ ทั้งคนทำงาน ทั้งเด็กนักเรียน ทั้งเด็กเทคนิค เด็กอาชีวะ เด็กราชภัฏ โอ้ว จนผ่านไปเกือบ 30 นาที ก็มีที่นั่งว่างอยู่
                “ปริ้นไปนั่งซิ

ผมส่ายหน้า แล้วก็รีบดันตัวโอ้ตให้ไปนั่งแทน มันก็ทำหน้างงๆ
                “นายนั่งไปเถอะ ม่ะคืนไม่ได้นอนทั้งไม่ใช่เหรอ ? ” ผมพูดแบบจับผิดครับ ไม่รู้ว่าทำไปทำไมเหมือนกัน แต่โอ้ตก็แบบหลบตา ทำหน้าแดงๆ
                “อือ งั้นพอเห็น เด็กลงกันแล้วก็ปลุกด้วยนะว่าพลางชี้ไปที่ นร ที่เห็นว่าอยู่โรงเรียนเดียวกัน
                “ได้ผมยิ้มตอบ คงเป็นสิ่งผมตอบแทนได้ดีที่สุดในตอนนี้แล้วล่ะ ไม่ถึง 5 นาทีคับ มันหลับไปจริงๆเลยอ่ะ หัวก็โงกเงกไปเกือบจะชนคนที่นั่งข้างๆ ดูเค้าทำสีหน้ารำคาญชอบกล ผมก็เลยค่อยๆจับหัวโอ้ตไว้ มาซบที่พุงของตัวเอง ลมหายใจของโอ้ตสัมผัสกับนิ้วผมเบาๆ

อ๊างงงง ทำไมผมรู้สึกมีความสุขแบบนี้วะ ไม่เข้าใจเลย แต่ที่ทำให้ผมตกใจ ก็คือ ผมเห็นรอยแดงเป็นจ้ำๆที่มือของโอ้ตคับ เลยจับเบาๆ ปรากฏว่า เป็นรอยเข็มทิ่มคับ นาทีนั้น ผมรู้สึกร้อนผ่าวขึ้นรอบๆดวงตา ไม่น่าไปพูดดูถูก ไม่น่าจะเอาแต่ใจ ไม่น่าเถียงโอ้ตเลย ทั้งๆที่เค้าทำดีกับผมขนาดนี้
                “โอ้ต
ผมกระซิบเหมือนให้ตัวเองได้ยินคนเดียว
                “ขอบคุณนะคับ

ไม่รู้ว่าผมรู้สึกไปเองเหรอเปล่า แต่โอ้ตมันกระตุกตัวนิดนึง ก่อนที่จะนิ่งไปเหมือนเดิม ( ไม่ได้แน่นิ่งนะว้อย)

ติ้ง ต่อง ต้อง ต่อง ต่อง ตอง ต้อง ต่อง

เสียงสัญญาณดังไกลๆ ว่าผมกะโอ้ตต้องรีบวิ่งเข้าโรงเรียนแล้ว ระยะห่างระหว่างหน้าประตูโรงเรียนกะที่เข้าแถวมันไกลกันพอสมควร ประมาณเกือบ 2 สนามบอล
                “แล้วเราต้องไปเข้าแถวตรงไหนอ่ะผมดูว้าวุ่นใจเมื่อเห็นว่า นร แต่ละคนก็มีจุดหมายที่วิ่งไปทั้งนั้น แต่ตัวเองยังไม่รู้ว่าจะต้องไปที่ไหน
                “เออ …” เฮ้ย อย่าบอกนะว่ามึงก็ไม่รู้
                “เดี๋ยวพาไปฝากอาจารย์ไว้ก่อนล่ะกัน

อ้าวเวร

ซักพักหลังจากที่เคารพธงชาติเสร็จ สวดมนต์ แผ่ส่วนกุศล แล้วก็มีคนมาพูดๆ จนเด็กเหงื่อตกเสร็จ ก็ได้เวลาแยกย้ายไปเรียนคาบ 1 แต่ผมยังอยู่ที่ห้องวิชาการอยู่เลย มีปัญหานิดหน่อย
                “ตอนผมสมัครไว้ ผมเลือกสายศิลป์นะคับ ผมบอกกับอาจารย์หลังจากที่รู้ตัวว่าต้องไปเรียนห้องสายวิทย์
                “ตอนเธอสมัครน่ะ เค้ามีใบสีชมพู กับสีเขียว เธอเขียนใบไหนอาจารย์ถามผม
                “สี ไหนผมก็เริ่มต้นคิด
                “เอ้า สีไหนยังจำไม่ได้เลย ครูว่าเธอเขียนใบสีเขียวล่ะซิ แย่จังว่าพลางหันไปปรึกษากับเพื่อนครูคนอื่น ที่ยังดูยุ่งวุ่นวายเหมือนกัน
                “เอางี้ เธอไปเรียนห้องนี้ก่อน แล้วถ้าย้ายห้องได้แล้ว จะให้คนไปบอกนะครูคนนั้นรีบตัดบท ซึ่งผมก็ไม่ค่อยพอใจเอามากๆอ่ะ ตอนโรงเรียนเก่า ผมไม่ได้เรียน ฟิสิกส์ เคมี ชีวะ มานี่หว่า แล้วจะให้มาเรียนกะห้องวิทย์ได้ไงวะ แถมวิชาแรกวันนี้ มันคือ เคมี !!

ผมเดินแบบเกร็งๆไปอยู่ที่หน้าห้องเรียน ซึ่งตอนนี้ก็ทำการเรียนการสอนไปได้เกือบครึ่งคาบแล้ว
                “มายืนทำอะไรอยู่ตรงนั้น เธอครูในห้องเหลือบมาเห็นผมเข้าพอดี พร้อมๆกับสายตาคนในห้องก็หันมามองที่ตัวผม โอ้ว พระเจ้าจอร์จ อาย
                “คะ คือ ผมเป็นนักเรียนใหม่ครับ จะมาอยู่ห้องนี้ผมบอกอาจารย์ คนในห้องก็ซุบซิบๆคับ ยิ่งทำให้ผมตื่นตระหนกเข้าไปอีก ผมลืมขึ้นไปเลยว่า สังคมเด็กในกรุงเทพก็อีกอย่างนึง สังคมเด็กต่างจังหวัดก็คงจะเป็นอีกอย่างนึง พึ่งจะมาบรรลุเอาตอนนี้อ่ะคับ แล้วจากนั้น คาบชีวะในตอนแรก ก็เปลี่ยนมาเป็นคาบแนะนำตัวผมหน้าชั้น ซึ่งเป็นอะไรที่ผมเกลียดอย่างแรง
                “มาจากไหนอ่ะ
                “กรุงเทพคับ
                “จบจากไหนมาอ่ะ
                “สวนกุหลาบ
                “ฮิ้ววววว สวนกุหลาบด้วยจะฮิ้วห่าไรพวกมึง
                “ทำไมขาวจัง
                “เออ …” เอ้า ขาวก็ผิด
                “มีแฟนยังอ่ะเธอ
                “เออ…” ถามเพื่อราย

จนหมดคาบ ผมรู้สึกโล่งอกอย่างบอกไม่ถูก โรงเรียนเก่าผมไม่มีผู้หญิงคับ ยิ่งทำให้วางตัวไม่ถูกหนักเข้าไปใหญ่ อะไรๆก็ดูแปลกไปหมด พอหมดคาบเรียนแรก ก็ต้องย้ายไปเรียนที่ห้องอื่น ที่นี่จะเป็นแบบเดินเรียนครับ มองไปมองไปในห้องผมก็ดูเหมือนเค้าจะสนิทกันเป็นกลุ่มดีอยู่แล้ว ทำให้ยิ่งรู้สึกลำบากใจมากขึ้น (พวกเข้ามาตอน ม5 6 ก็จะรู้สึกประมาณนี้อ่ะ)

วันนี้เรียนไปจบหมดวันคับ ก็ยังไม่มีเพื่อนสนิท หรือรู้จักใครมากเป็นพิเศษ ตอนเช้าโอ้ตมันก็นัดผมให้มาคอยอยู่ที่หน้าห้องปกครอง เพราะว่ามันเป็นกรรมการนักเรียนคับ แล้วตลอดทั้งวันนี่ ผมก็ไม่ได้เจอโอ้ตมันเลย ยิ่งเหมือนหลุดมาอีกโลกนึงอ่ะ (เว่อร์ม่ะ)

ผมก็รอไปเรื่อยเปื่อยที่หน้าห้องปกครอง ซักพักก็มองเข้าไป ก็เจอพวกอาจารย์ปกครอง ที่แค่ดูหน้าก็ยกตำแหน่งให้ได้เลย กะลังเหมือนจะทำโทษเด็กครับ

มึงจะมาเรียน หรือมึงจะมาต่อยกันห่ะ พ่อแม่มึงส่งมาให้เรียนดีๆไม่ชอบ เป็นห่าไรวะเสียงอาจารย์ดังจนผมได้ยิน อดนึกในใจไม่ได้ว่า ถ้าเป็นผมเข้าไปอยู่แบบนั้น มีหวังซีด จากนั้นไม่นาน ก็ได้ยินเสียง เปี้ยยยยยะ ประมาณ 6 -7 ทีได้

โอ้ โอ้ โอ้ตอยู่ไหนว้า ให้กรูมานั่งเหมือนแดนประหารแบบนี้ อ้ายโอ้ตตตตต

ผมพึมพำอยู่ในใจ ก็ต้องสะดุ้ง เมื่อไอ้คนที่พึ่งโดนตีมาหมาดๆ เดินลงมาจากห้องปกครองพร้อมกับเพื่อนอีกคน และเสียงสบถออกมามากมาย
                “ไอ้เหี้ย เอ้ย เจ็บชิบหาย กูไม่น่าช่วยมึงเลย ไอ้สัด
                “ห่าคิว มาโทดกู ทีตอนต่อยอ่ะ ซัดเอาซัดเอา แมร่งพูดมาพร้อมกับเอามือจับตูดกันทั้งสองคนคับ ผมก็มองๆ ไม่ได้มีเจตนาเยาะเย้ยเลยนะ
                “มองเหี้ยอะไรไอ้คนที่เพื่อนเรียกว่าคิว หันมามองผมพอดี เลยเป็นเรื่องเลย และด้วยอะไรไม่ทราบ สันดานการชอบเถียงของผมตอนนี้อยู่ในโหมดออฟไลน์
                “ป่าวมองผมพูดพลางหลบตา
                “ก็ม่ะกี้มึงมองเนี่ยมันย่างสามขุมเข้ามาหาผม เอ้ย จะหาเรื่องกูเหรอ
                “เฮ้ย มึงคุยไรกะน้องกูวะอ่า พระเอกของโพ้มมมม โอ้ตมันเดินลงมาจากห้องปกครองพอดี แล้วก็คงเห็นไอ้คนที่ชื่อคิว กะลังเดินมาใส่ผม
                “น้อง .. ไอ้คิวว่าพลางหันมองผมอีกรอบ เออ

แล้วมานก็เดินไปคับ โอ้ตก็ถามว่ามันมาทำไรป่าว ผมก็บอกป่าว โอ้ตมันบอกว่า ไอ้คิวเนี่ย อยู่ชั้นเดียวกับผมล่ะ แต่ไอ้นี่มันก็ไม่ได้กลัวพวกรุ่นพี่อะไรเท่าไร มันกลัวคนเดียว คือหมูหยองคับ (ชื่อเรียกครูปกครองคนนึง) แล้ววันนี้มันก็ไปหาเรื่องต่อยกะน้อง ม 4 มา เลือดอาบอ่ะ หมายถึงน้องนะ มันไม่เป็นไรเลย



โหดโคตร

ติดตามชมตอนต่อไป

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น